วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

เพลินภาพชีวิต ลิขิตร้อยกรอง (ภาพ ๘)

*(ภาพนี้ได้แรงบันดาลใจจากภาพเขียนญี่ปุ่น เลยลองเอาดอกอัญชันมาละลายน้ำ ใช้แทนหมึก จากหมึกสีดอกอัญชันเขียนเป็นภาพดอกอัญชันเป็นการทดลองที่ทำเล่น แต่ก็ได้ภาพที่ดูน่าสนใจดี)


                                      อัญชันชดช้อยแช่ม     อารมณ์
                                      ยอดระย้าน่าชม           แต่งแต้ม
                                      สีม่วงสดสวยสม         เพลินตา
                                      ราวจะมายั่วแย้ม         เร้าเรียก กวักไกว

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

เพลินภาพชีวิต ลิขิตร้อยกรอง (ภาพ ๗)


น้ำนิ่งสะท้อนใจ  เห็นอะไรในเงาน้ำ
น้ำนิ่งสะท้อนความ  ทั้งสุขทุกข์ในวังวน
น้ำเย็นนั้นเย็นฉ่ำ หรือเย็นเยียบหนาวระคน
วิบไหวในสายชล คือภาพเราหรือเงาลวง

เพลินภาพชีวิต ลิขิตร้อยกรอง (ภาพ ๖)


ไอหมอกกระจายฟุ้ง  อรุณรุ่งที่ปลายนา
น้ำหยดบนยอดหญ้า  ชุ่มทั้งฟ้าชื้นทั้งดิน
เรืองเรื่อจากแนวไม้   สุรีย์ฉายไปทั่วถิ่น
นกกาออกหากิน       บรรเลงแว่ววิหคหวาน

บทเพลงแห่งทิวา      ปลุกพฤกษาให้ผลิบาน
น้ำค้างไม่อยู่นาน       แต่พรุ่งนี้จะกลับมา
มาคลี่ม่านไอหมอก    และทักทายกับท้องฟ้า
ประพรมด้วยมนตรา    ให้วันใหม่ นี้รื่นรมย์

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

เพลินภาพชีวิต ลิขิตร้อยกรอง (ภาพ ๕)


เพลินภาพชีวิต ลิขิตร้อยกรอง (ภาพ ๔)


ฟ้าขาว กับเงาดำ ทะมึนค้ำเบื้องเวหน
แทรกแสง สุริยน วะวิบผ่านใต้เงาไม้
แสงแต้มในรอยเงา ดำและขาวเคียงกันไป
เงามืดมากเท่าไร ยิ่งเห็นแสงกระจ่างตา

แสงจ้า เงายิ่งเข้ม ต่างเติมเติมในโลกา
ใต้แสงที่เจิดจ้า ล้วนเกิดเงาที่หม่นมัว
เดือนมืด ไม่มืดมิด ดาวดวงนิดกระพริบยั่ว
มีทุกข์ไม่น่ากลัว ถ้ามองทุกข์ให้เห็นธรรม

เพลินภาพชีวิต ลิขิตร้อยกรอง (ภาพ ๓)


ชมพูผ่องพรรณราย      ขาวประกายเป็นเกษร
แต้มแสงรวีวรณ์          ประจงไล้กลีบลมุน
หอมกลิ่นเจ้าหอมอ่อน   ซ่อนอวลให้อบอุ่น
กลิ่นบัวที่เคยคุ้น          ระลึกหวลถึงพระพุทธ

สงบ  งามสง่า              ทรงคุณค่าบริสุทธิ์
เก็บบัวกราบพระพุทธ     น้อมจิตแผ้วกล่อมกมล
บัวสัตบงกช                 งามหมดจด มิหมองหม่น
ผุดผ่อง ในสายชล         ทั่วสกล ล้วนชื่นชม

เพลินภาพชีวิต ลิขิตร้อยกรอง (ภาพ ๒)



บัวสาย เจ้าสายบัว        ในเงามัวบนน้ำใส
นุ่มนวล อ่อนละไม     ทอดสายใยใต้พื้นน้ำ
แดดอ่อนทาบเป็นเงา  ผะแผ่วเบาใบบัวงาม
น้ำนิ่งสะท้อนความ     ยะเย็นเยือกอันลึกล้ำ 

ลึกยากจะหยั่งได้        ตกอยู่ใต้โคลนมืดดำ
พากเพียรจนพ้นน้ำ    มาพบแสงสุรีย์รอน
ฝูงปลาได้พักพิง           หลบแอบอิงใบบัวบอน
ร่มเย็นให้ซุกซ่อน           พ้นเปลวแดดที่แผดเผา

จากตมจนพ้นน้ำ       ชูช่องาม วิจิตรเนาว์
บัวสอนให้หมู่เรา       พินิจรู้  ความดีงาม
แม้เกิดแต่ตมโคลน    ยังโผล่พ้นพยายาม
ต้องแสงตะวันวาม     พ้นผิวน้ำ ไร้มลทิน